วันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2553



เพื่อน คือคนที่ไม่ต้องอยู่ด้วยกัน ... ก็รักกันได้ไม่ต้องเห็นกันทุกวัน ... ก็รักกันได้ไม่ต้องหวานใส่กัน ... ก็รักกันได้แต่รักอยู่ฝ่ายเดียว ... เป็นเพื่อนกันไม่ได้เพราะเพื่อน ...ไม่ได้เกิดมาพร้อมหน้าที่ ... อย่างคำว่า ... พ่อแม่ไม่ได้จบลงพร้อมหน้าที่ ... อย่างคำว่า ... แฟนแต่เกิดจาก ... การกระทำซึ่งกันและกันจะอยู่หรือไป ... ใช้ "ใจ" เป็นเกณฑ์จะอีกกี่นาน ... เพื่อนก็ยังเป็นทั้งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่ไม่มีวันเลือนหายเพื่อนคือคนที่เรามั่นใจ อยากไปหามากที่สุด ไม่ว่าจะยามทุกข์หรือยามสุขเพื่อนคือคนที่เราไม่ต้องนอนร้องไห้ คอยโทรสัพท์ทั้งคืน .. เพื่อนก็โทรมาหาฐานะ ... ไม่ใช่ตัววัดว่าใครเหมาะสมจะเป็นเพื่อนใครหน้าตา ... ไม่ใช่มาตรฐานบอกว่า ใครควรจะเป็นเพื่อนใครแต่น้ำใจ ... จะเป็นเครื่องชี้ให้เรารู้ว่า ใครที่ควรจะเป็นเพื่อนเราเพื่อนคือ ... คนที่แอบมาปรุงแต่งชิวิตเรา ซะจนกลายเป็นอาหารจานแปลกมีทั้ง หวาน ขม อมเปรี้ยวเดี๋ยวเติมความห่วงใย เดี๋ยวใส่ความรักหมักความผูกผันจนได้ที่สุดท้ายก็กลายเป็นอาหารจานดี ที่ไม่มีผีกชีโรยหน้าแต่ว่าเติมความจริงใจได้จนเต็มจานเพื่อน .. ก็เหมือนเสื้อตัวเก่งที่เราจะหยิบมาใส่ทุกครั้งที่เราต้องการรความมั่นใจและเมื่อพ้นเวลานั้นไป..เสื้อตัวนี้ก็ยังแขวนอยู่ในตู้เสื้อผ้าใบเดิมเสมอเหมือนกับเพื่อนที่จะอยู่กับเราในวันที่เราไม่สบายใจเพื่อนเก่า : เป็นคนที่อยู่กับเรา ตอนเรามีความรักครั้งแรก เป็นคนที่มีความทรงจำทั้งดีและแย่ร่วมกันกับเรา เป็นคนที่มีรูปติดอยู่ในสมุดเฟรนด์ชิปเล่มเดิม เป็นคนที่เซ็นชื่อกำกับตัวโตๆ ตรงคำว่ารักเรามากกว่าใคร เป็นคนที่มักวิ่งเข้ามาในความคิดถึง ตอนเราเหงา เป็นคนที่เราภูมิใจ เมื่อเล่าให้คนอื่นฟัง เพื่อนเก่า.....จึงเหมือนกับรูปถ่ายที่ถูกเก็บไว้ในอัลบั้ม ส่วนเพื่อนใหม่ : เป็นคนที่อยู่กับเรา ตอนเรามีความรักครั้งปัจจุบัน เป็นคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ทั้งตอนที่เราผิดหวังและสมหวัง เป็นคนที่บอกเราว่าถึงแม้บางครั้งจะล้ม แต่ถ้าใจไม่แพ้ ก็สามารถจะเริ่มต้นวิ่งใหม่ได้ทุกเมื่อ เป็นคนที่ถ้าเราไม่สบาย จะรีบมาดูแล เป็นคนที่เราอุ่นใจ เมื่อเล่าให้คนอื่นฟัง เพื่อนใหม่.....จึงเหมือนกับรองเท้า ที่พร้อมจะเดินไปในทุกๆที่ ด้วยกันกับเรา ในชีวิตของทุกๆคน ต่างก็จำเป็นต้องมีทั้งเพื่อนเก่าและเพื่อนใหม่อยู่ในชีวิต เพื่อจะได้มีทั้ง ''ความทรงจำที่น่าภูมิใจ'' และ ''ปัจจุบันที่อบอุ่นใจ'' โดยการให้ความสำคัญกับ ''รูปถ่ายในอัลบั้ม'' หมั่นหยิบขึ้นมาปัดฝุ่น คิดถึงและนึกถึงเรื่องราวในภาพเหล่านั้นเสมอๆ แต่ขณะเดียวกัน ก็ต้องไม่ลืมที่จะหมั่นเช็ดฝุ่นให้กับรองเท้าด้วย คิดถึงและนึกถึงเรื่องราวในภาพเหล่านั้นเสมอๆ แต่ขณะเดียวกัน ก็ต้องไม่ลืมที่จะหมั่นเช็ดฝุ่นให้กับรองเท้าด้วย อย่าให้การเดินไปด้วยกัน เป็นการเดินเหยียบย่ำกัน อย่าให้ความเคยชิน ทำให้หมดความเกรงใจและไม่ให้เกียรติกัน เพราะถึงแม้รองเท้าจะยี่ห้อดีแค่ไหน เพื่อนใหม่คนนั้นจะดีกับเราแค่ไหน ถ้าเราใช้งานแบบไม่ถนอม รองเท้าก็อาจพังได้ เพื่อนใหม่ก็อาจหนีหายไปจากเราได้ ซึ่งก็รู้ใช่หรือเปล่า ว่ารองดท้าดีๆ ที่ใส่แล้วเหมาะกับเรานั้น หาไม่ง่ายเลย เพื่อนดีๆ ที่เข้าใจเรานั้น หายากมาก และบางที...ตลอดชีวิต อาจเจอแค่คนเดียว ความหมายของคำว่าเพื่อนนั้นมีมากกว่านี้แต่ว่า เราจะต้องค้นหามันด้วยตัวเอง เมื่อถึงวันนั้นเราจะเข้าใจและพร้อมที่จะชื่นชมรูปถ่ายไปพร้อมๆกับการเดินด้วยรองเท้าที่เรารักอย่าให้การเดินไปด้วยกัน เป็นการเดินเหยียบย่ำกัน อย่าให้ความเคยชิน ทำให้หมดความเกรงใจและไม่ให้เกียรติกัน เพราะถึงแม้รองเท้าจะยี่ห้อดีแค่ไหน เพื่อนใหม่คนนั้นจะดีกับเราแค่ไหน ถ้าเราใช้งานแบบไม่ถนอม เมื่อถึงวันนั้นเราจะเข้าใจและพร้อมที่จะชื่นชมรูปถ่ายไปพร้อมๆกับการเดินด้วยรองเท้าที่เรารัก ความสัมพันธ์เป็นเรื่องใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นความผูกพันของคู่รัก ความผูกพันของเพื่อน หรือความผูกพันพิเศษแบบไหนก็ตาม เพราะมนุษย์ไม่สามารถอยู่และมีความสุขได้อย่างโดดเดี่ยวหากสัมพันธ์กันจนผูกพัน มันจะนำมาซึ่งความรักและความสุข เพราะมนุษย์ไม่สามารถประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ โดยไม่อาศัยคนอื่นร่วมลงมือ หรือทำให้สำเร็จได้มนุษย์ยังเป็นสัตว์สังคมที่ไม่สามารถมีความสุขได้เพียงลำพังคนเดียว เพราะว่ากินข้าวหลายคนนั้นอิ่มกว่ากินคนเดียว เพราะว่าดูหนังหลายคนนั้นสนุกกว่าดูคนเดียวเพราะว่าการร้องไห้ด้วยกัน มันทำให้รู้สึกว่าปลอดภัยกว่าการที่ต้องร้องไห้คนเดียว"เหตุนี้ เราจึงต้องเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้อื่น"เราจึงต้องเรียนรู้ว่า มนุษย์จะมีความสุขอย่างแท้จริงได้ ก็ต่อเมื่อมนุษย์ได้เห็นคนที่ตัวเองรักมีความสุข และความสุขก็ไม่ได้เพิ่มพูนตามจำนวนเงิน หรือทรัพย์สมบัติที่หาได้แต่ความสุขมันเติบโตของมันเอง ถ้าสังคมที่มีเราเป็นสมาชิกร่วมอยู่ด้วยมีความสุข สามัคคีสมัครสมาน ร่วมกันทำงานเล็กงานใหญ่ ด้วยถ้อยคำ น้ำใจ และแบ่งปันสิ่งเล็กน้อยให้กันความทรงจำที่ดีทำให้มนุษย์มีความสุข แถมยังฝากไว้แม้ว่าเราจากโลกนี้ไปแล้วการแก่งแย่งชิงดี การแสวงหาความมั่งคั่งทำให้มนุษย์ ไม่ไว้ใจกันและกัน เปลี่ยว เหงา และหวาดระแวง และไว้ใจใครไม่เป็น แถมยังเอาทรัพย์สมบัติติดตัวไปไม่ได้แม้แต่ชิ้นเดียวเราจึงต้องมาเริ่มเรียนรู้ว่า การจะเป็นคนที่มีความสัมพันธ์ที่ดีนั้น เราต้องลงทุนอะไรบ้างเราให้เขา เขาก็ให้เรา เราหวงเขาเขาก็หวงเราเป็นธรรมดาเราเข้าใจเขา เขาอาจไม่เข้าใจเรา แต่ถ้าเราอยากมีความสุข เราต้องให้ความเข้าใจกับเขา อย่าย่อท้อกับความว่า "ให้"เราคิดดีกับเขา เขาอาจจะไม่คิดดีกับเรา แต่ต้องมีสักวันหนึ่งที่เขาเห็นจิตใจที่ดีของเรา ถึงแม้ช่วงแรกยิ่งทำดี ยิ่งทำให้เขาหมั่นไส้เข้าไปใหญ่ก็ตาม อย่าได้ลังเลที่จะทำดี ถึงแม้บางคราว ผลตอบแทนดีๆ มันจะเข้ามาช้าหน่อยก็ตามทีเราเปิดโอกาสให้เขา เขาอาจจะเปิดโอกาสให้เราบ้าง แต่ถ้าวันนี้เขายังไม่มีโอกาสเปิดประตูรอเรา เราก็อย่าคืนเขาโดยการ "ปิด" ประตูโอกาสของเขา เรามีหน้าที่เปิดประตูมิใช่ปิดประตู เรามีหน้าที่สร้างสะพาน มิใช่สร้างกำแพงเรารับฟังเขา เขาอาจจะไม่รับฟังเรา พระเจ้าสร้างปากมา หนึ่งปาก แต่ สร้างหูมาสองหู เจตนาของท่านต้องการให้เรา รับฟังมากกว่าพูด เข้าใจ มากกว่า อธิบาย เพราะฉะนั้นเราจะเห็นได้ว่า คนที่เป็นผู้ฟังที่ดี มักจะมีเสน่ห์มากกว่าคนที่เป็นผู้พูด ยิ่งคนที่ชอบพูดถึงแต่เรื่องตัวเอง เล่าแต่ปัญหาของตัวเอง บ่นถึงเรื่องไม่ดีของคนอื่น มักเป็นคนไม่ค่อยมีใครอยากเข้าใกล้เราอยากให้เขาขอบคุณเรา เราต้องเรียนรู้ที่จะพูดคำว่า ขอบคุณ ต่อคนรอบข้างเสียก่อน เราอยากได้สิ่งไหน เราต้องหมั่นให้ในสิ่งที่เราอยากได้จนเป็นนิสัยเราอยากได้ความรัก สิ่งที่ง่ายที่สุดก็คือ เราเรียนรู้ที่จะรัก คนอื่นก่อน แม้รักคนอื่นรอบข้างมากมาย แต่คนอื่นยังไม่เห็นค่าในความรักของเรา ก็จงภูมิใจและมั่นใจ ที่จะมอบความรักต่อไป แม้จะไม่ได้รับความรักตอบแทนมา อย่างทันตาเห็น อย่างไรก็จงอย่าย่อท้อ ที่จะมอบความรักและความรู้สึกดีๆ ของเรากับผู้คน โดยเฉพาะกับคนที่เราสัมพันธ์ด้วยเราอยากได้เพื่อนดีซักคน จงทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีกับคนอื่นก่อน แม้บางครั้งเราแค่อยากได้รับไมตรีจากคนเพียงแค่คนเดียว แต่เราต้องให้ไมตรีกับคนทุกคนที่อยู่รอบข้าง ให้หนึ่งไม่ได้หมายความว่าจะได้กลับมาหนึ่ง บางครั้งอาจไม่ได้กลับมาเลยก็ได้ จงมีความสุขที่จะได้เป็นเพื่อนที่ดีกับคนที่อยู่รอบข้างเคยมีคนบอกว่า การเป็นคนที่ดีนั้น เป็นยาก บางคนบ่นด้วยซ้ำ ว่าทำดีทำไมมันไม่ได้ดี เราต้องหยุดความคาดหวังจากผลของการกระทำดี เพราะผลมันอยู่ในใจเราแล้ว เรามีความสุขแล้วที่ได้ทำตัวดี เป็นคนดี และดี ต่อคนอื่นเมื่อเราเริ่มความสัมพันธ์ที่ดี ก้าวต่อไปคือความผูกพัน ความผูกพันมีความหมายมาก สำหรับการอยู่ร่วมกัน เพราะเมื่อความผูกพันเกิดขึ้นแล้ว ความรัก ก็จะตามมา และเมื่อรักแล้วเราจะมองข้ามความเปราะบางเล็กน้อยที่จะทำให้ความสัมพันธ์ขาดสะบั้นลงไปได้"การมองข้าม ไม่ใช่ว่า ไม่มอง แต่เป็นการเปิดใจยอมคนที่เรารักและทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีของเขา"เพื่อนที่ดี หมายถึงเพื่อนที่กล้าจะกล่าวตักเตือน และเป็นกระจกเงาที่ชัดเจน แต่อ่อนละมุน เพื่อนจะคอยตักเตือนกันและกันในวันที่ใครบางคนออกนอกลู่ เป็นการติการเตือนเพื่อที่จะให้เขาเห็นภาพตัวเองได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และยังพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างเสมอ รักไม่ใช่การตามใจรักไม่ใช่การเข้าข้างรักไม่ใช่ อย่างไรเธอก็ถูกเสมอไปแต่รักคือการยอมรับเธอได้และพร้อมจะอยู่เคียงข้างในวันที่เธอปรับปรุงตัวอย่าท้อถอยกับความสัมพันธ์อย่ายอมแพ้กับคำว่า เพื่อนหากเราจะเก็บความทรงจำที่ดีเราต้องเป็นความทรงจำที่ดีด้วยหากอยากมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง และการลงทุนก็ไม่ได้ดูยากอะไร เพียงแต่เราเริ่มต้นที่ความคิดเรา ความคิดที่ว่า เราอยากได้อะไร เราก็ต้องให้สิ่งนั้นกับคนรอบข้างของเรา และแม้จะให้จนหมดตัวหมดใจแล้ว ยังไม่ได้อะไรกลับคืนมา ก็จงอย่าได้ท้อแท้ที่จะลงทุนทำมันต่อไป เราอาจจะต้องฝึกตัวเองบ้างในการให้ ถ้าเราให้จนชิน จนเป็นนิสัย ในขณะที่เราให้ เราจะได้ไม่รู้สึกว่า เราได้สูญเสียอะไรไปเลยนั่นเป็นเพราะว่าเรา ให้ ด้วยความรักนั่นเองทำอะไรด้วยรักยิ่งทำให้มีความสุขหากรักที่จะทำอะไร จงรักที่จะทำมันอย่างมีความสุขต้องเหลือเวลาให้กับมิตรภาพ หรือสำหรับคนสองคน และทำใจไว้เสมอ หากเขาไม่มีเวลาให้เราเป็นแรงดันให้เขาประสบความสำเร็จและแสดงความยินดีอย่างจริงใจเมื่อเขาก้าวไปถึงฝันของเรา อยู่ข้างๆ อยู่ใกล้ๆ คอยรับฟัง ความเป็นไป อย่าทำให้ความอิจฉาทำให้มิตรภาพ ลดลงไปได้ปล่อยให้เพื่อนมีโอกาสได้พูด ระบายและบอกความในใจ หากเราเป็นผู้ฟังที่ดี เขาก็จะกล้าไว้ใจเรา เมื่อเราได้รับความไว้ใจ เราก็คือเพื่อนที่ดีของเขานั้นเอง มองโลกในแง่ดี มองในมุมที่สวยงาม อย่าทำตัวเป็นคนขี้บ่นน่ารำคาญ อย่าให้โลกนี้เป็นสี ทึมๆไม่พูดถึงคนอื่นในแง่ร้าย ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนของเราเอง หรือคนอื่น ๆ คนที่เอามุมร้ายของคนอื่นมุมแย่ของคืนอื่นมาแฉ คือคนที่ไม่อยากเห็นคนอื่นได้ดี และขี้อิจฉา บางทีอาจจะอ้างว่า ไม่ได้คิดอะไรพูดไปอย่านั้นเอง แต่แค่เริ่มอ้าปากนินทาคนอื่นก็เป็นความผิดอันใหญ่หลวงแล้วเลือกพูดที่จะหวานหู และให้กำลังใจ ไม่บั่นทอนให้สถานการณ์ที่แย่อยู่แล้ว แย่ยิ่งขึ้นไม่มีใครหรอกที่มีความสุขได้ตลอดเวลา แต่เราต้องจัดการกับความรู้สึกแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นให้ได้ไม่มีใครหรอกที่ทำความดีแล้วไม่นึกน้อยใจเลยที่บางทีมันไม่ได้ดีขึ้นมา แต่เราต้องทำให้ชินกับการทำความดี และรักที่จะทำความดีต่อคนรอบข้างให้ได้เพราะเมื่อนั้น เมื่อวันที่เราฝึกจนกลายเป็นนิสัยของเรา เราจะมีมิตรภาพ ไว้ให้ชิมเสมอ.